top of page

โดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีผู้ไม่อ่าน ภาค ชายผู้เกลียดเอกสารหลายร้อยหน้า


#ประธานาธิบดีผู้ไม่อ่าน . วันนี้เป็นวันสุดท้ายของโดนัล ทรัมป์ในฐานะประธานาธิบดีสหรัฐฯ เขาจะต้องเดินออกจากรั้วทำเนียบขาวที่อยู่อาศัยมาถึงสี่ปีในฐานะผู้นำประเทศมหาอำนาจ แม้ในใจจะไม่ยอมรับถึงการเปลี่ยนผ่านนี้ จากกรณีที่เขาไม่ส่งคำเชิญโจ ไบเดนเข้าทำเนียบ หรือปฏิเสธเข้าร่วมพิธีสาบานตนของประธานาธิบดีคนใหม่ . สี่ปีที่ผ่านมา ทรัมป์ได้สร้างผลงานจารึกประวัติศาสตร์อเมริกาไว้อย่างตราตรึง อันที่จริงเขาได้ฝากเรื่องราวความทรงจำยากจะลืมแก่คนใกล้ตัวมากมาย โดยเฉพาะคนทำงานในทำเนียบขาว . เป็นที่รู้กันว่า ทรัมป์เป็นคนที่ชอบสื่อสารความคิดของตัวเองผ่านทางทวิตเตอร์เป็นอย่างมาก เขาปฏิเสธที่จะใช้บัญชี @POTUS ที่เป็นบัญชีทางการของทำเนียบขาวเหมือนประธานาธิบดีคนก่อน ๆ และเลือกใช้บัญชีส่วนตัวของตัวเอง (ก่อนจะถูกระงับการใช้งานถาวร) . . ในหนังสือเล่มใหม่ของไมเคิล วูล์ฟ นักข่าว-คอลัมนิสต์ชื่อดังของสหรัฐฯ ชื่อ Siege: Trump Under Fire ได้ออกมาชำแหละทรัมป์อีกรอบด้วยการบอกว่า . "ทรัมป์ชอบการสื่อสารด้วยปาก มากกว่าการต้องมาตรวจสอบข้อมูลจากเอกสารที่เป็นลายลักษณ์อักษร" . "ทรัมป์ไม่ได้มีวิธีการประมวลผลข้อมูลเหมือนอย่างคนทั่วไป เขาไม่อ่าน เขาไม่สนใจข้อเท็จจริง บางคนเชื่อว่าในทางปฏิบัติจริง ๆ แล้ว เขารู้ในสิ่งที่เขาทำไม่ถึงครึ่งเสียด้วยซ้ำ" . . วูล์ฟได้อ้างข้อมูลบางส่วนจากอีเมลของแกรี่ โคห์น ที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของทรัมป์ว่า . "เรื่องนี้มันแย่กว่าที่คุณจะสามารถจินตนาการได้ ทรัมป์จะไม่อ่านอะไรเลย ไม่แม้แต่บันทึกเพียงหน้าเดียว หรือเอกสารสรุปนโยบายสั้น ๆ ไม่มีอะไรทั้งสิ้น เขามักจะลุกขึ้นระหว่างการประชุมกับเหล่าผู้นำโลก เพียงเพราะเขาเบื่อ" . . ย้อนกลับไปเมื่อปี 2016 ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีระหว่างโดนัล ทรัมป์จากพรรครีพับลิกัน กับฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต

บทบรรณาธิการจาก The Atlantic ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2016 เคยกล่าวถึงทรัมป์เช่นกันว่า "...เขาเป็นนักทฤษฎีสมคบคิด เหยียดเชื้อชาติ ชื่นชมผู้นำเผด็จการ หลงตัวเอง เป็นศัตรูต่อข้อเท็จจริง ไม่แย่แสต่อรัฐธรรมนูญ และเขาดูเหมือนจะไม่ชอบอ่าน (he appears not to read.)" . . ทรัมป์เคยให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Axios ก่อนการเปิดตัวแคนดิเดตผู้สมัครจากพรรครีพับลิกันว่า

"ผมชอบอะไรที่ตรงไปตรงมา หรือน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ผมไม่อยากได้รายงานสองร้อยหน้าที่สามารถจัดการได้ภายในกระดาษหน้าเดียว..." . . The New York Times เคยรายงานว่า คณะทำงานในสภาความมั่นคงแห่งชาติได้รับคำสั่งให้เก็บรวบรวมสรุปเอกสารนโยบายต่าง ๆ ไว้ในหน้าเดียว รวมถึงพวกกราฟฟิกและแผนที่จำนวนมาก

Mother Jones สำนักข่าวออนไลน์เคยได้ตรวจสอบข้อมูลหนึ่ง แล้วพบว่า เอกสารบรรยายสรุปของทรัมป์นั้นน้อยกว่าโอบามาถึงหนึ่งในสี่ . สำนักข่าว Associated Press เคยแสดงความคิดเห็นว่า ประธานาธิบดีควรมีหลักสูตรอบรมเกี่ยวบทบาทของสหรัฐฯในเวทีโลก และจัดการอบรมบรรยายเข้มข้น 90 นาทีเกี่ยวกับแผนที่และแผนภูมิต่างๆ ที่เพนตากอน . ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ไม่ได้เหนือความเป็นจริงที่วูล์ฟเขียนเอาไว้ในหนังสือเลย . ทรัมป์มักจะมีปัญหาเวลาขึ้นพูดดีเบท กล่าวปาฐกถา หรือพูดสุนทรพจน์ต่าง ๆ เป็นอย่างมาก และมักจะโดนวิพากษ์วิจารณ์โดยตลอด และหลายครั้งเขาก็ชอบพูดนอกบท . โจ สการ์โบโรห์ ผู้ดำเนินรายการของ MSNBC เคยสัมภาษณ์และเผชิญหน้ากับทรัมป์ และถามตรง ๆ กับทรัมป์เกี่ยวกับเรื่องนี้ในช่วงเดือนกันยายนปี 2015 ว่า

"คุณสามารถอ่านได้ใช่ไหม"

"ผมจริงจังนะโดนัลด์ คุณอ่านบ้างไหม หากมีคนเขียนเอกสารนโยบายหนึ่งหน้าให้คุณ คุณสามารถอ่านมันได้หรือไม่" . แต่ทรัมป์ตอบไปเรื่อยโดยอ้างถึงคัมภีร์ไบเบิลของแม่ของเขา และบอกว่าเขาอ่านมันอยู่ตลอดเวลา

ซึ่งมันน่าตลกมาก เพราะเขาเคยพูดอ้างอิงเนื้อหาในพระคัมภีร์ในช่วงหาเสียง ซึ่งดูเหมือนเขาจะไม่ได้เข้าใจมันเลยแม้แต่นิดเดียว . . ข้อยืนยันหนึ่งที่อาจพิสูจน์ได้ว่า ทรัมป์เป็นคนไม่ชอบอ่าน อาจจะสะท้อนได้จากพื้นฐานทางด้านภาษาของเขาที่มักจะเขียนอะไรเลอะเทอะ และมักจะพิมพ์ผิดอยู่เสมอบนทวิตเตอร์ . เรื่องน่าสนใจอีกอย่างก็คือ นิสัยการชอบดูทีวีมากเกินไปของทรัมป์ (ถึงแม้เขาจะออกมาปฏิเสธก็ตาม) และเขาชอบการให้คนภายใต้บังคับบัญชาสรุปรายงานด้วยการสนทนาทางโทรศัพท์ . ทรัมป์เป็นคนที่ติดโทรศัพท์มาก แต่เขาก็ไม่ได้ชอบอ่านอะไรบนนั้น หรือถ้าจะอ่านอะไรสักอย่าง เขาก็จะอ่านอะไรที่มันสั้น ๆ จึงไม่น่าแปลกใจที่เขาจะชื่นชอบทวิตเตอร์เป็นอย่างมาก เพราะมันจำกัดข้อความที่ 140 และ 280 ตัวอักษร . . ปัญหาของสหรัฐฯ ในยุคสมัยของโดนัล ทรัมป์นั้นค่อนข้างละเอียดอ่อนเป็นอย่างมาก ทั้งเรื่องสงครามทางการค้ากับจีน ปัญหาสิทธิมนุษยธรรมในเยเมน ความสัมพันธ์กับเกาหลีเหนือ หรือการย้ายสถานทูตสหรัฐออกจากกรุงเยรูซาเล็ม

(และพี่ทรัมป์ก็ชอบบอกเล่าปัญหาและแก้ไขมันผ่านทวิตเตอร์ และหลายครั้ง เขาก็มักจะเปลี่ยนใจ เปลี่ยนคำพูดตัวเองได้อย่างรวดเร็ว) . ปัญหาส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นนั้นค่อนข้างซับซ้อน และการบริหารงานของประธานาธิบดีก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ไม่น่าเชื่อว่า ปัญหาหลายอย่างจะสามารถแก้ไขได้ง่าย ๆ โดยประธานาธิบดีที่ไม่ชอบอ่านรายงาน ที่ติดการแชท และดูแต่ทีวี . ครั้งหนึ่ง ทรัมป์เคยกล่าวว่า ตนเองมีความเป็นอัจฉริยะและฉลาด . ดังนั้นการที่เขาสามารถแก้ปัญหายาก ๆ ได้อย่างง่ายดาย ถ้าไม่เป็นเพราะว่าเขาเป็นคนฉลาดล้ำจริงๆ ก็คงเป็นคนบ้าอย่างหาตัวจับยาก . . อ้างอิง: https://www.theatlantic.com/.../americas-first.../549794/

Opmerkingen


bottom of page