บิล เกตส์ ผู้ร่วมก่อตั้ง Microsoft มักจะอ่านหนังสือราว 50 เล่มทุกปี เขาเป็นคนรักการอ่านตั้งแต่ยังเด็ก และอ่านเรื่อยมาจนถึงวันนี้ โดยบล็อกส่วนตัวของเขา "GatesNotes" มักจะมีการวิจารณ์หนังสืที่เขาอ่านทั้งนิยายและสารคดี
ซึ่งมีหนังสืออยู่ 10 เล่มในนั้นที่บิล เกตส์พบว่ามีข้อมูลที่เฉพาะเจาะจง ทั้งยังกระตุ้นความคิด และได้รับรางวัลพร้อมคำวิจารณ์ไปในทางบวก คอลเลคชั่นนี้ครอบคลุมในหลากหลายหัวข้อ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ มันส่งเสริมวิธีการใหม่ๆ ในการคิดและการเรียนรู้
เล่มที่ 1 What If?
คำตอบทางวิทยาศาสตร์แบบจริงจังต่อคำถามเชิงทฤษฎีที่ไร้สาระ
หนังสือเล่มนี้เขียนโดย Randall Munroe (เป็นหนังสือรวบรวมบทความจากบล็อก xkcd ของเขา) โดยเมื่อก่อนนั้น Randall เป็นวิศวรหุ่นยนต์อยู่ที่นาซ่า ก่อนจะผันตัวมาวาดก้างปลาในบล็อก xkcd จึงเป็นเรื่องที่น่าขำขันเสียเหลือเกิน
ตัวอย่างคำถามก็เช่น - ถ้าโลกหยุดหมุน แต่อากาศยังเคลื่อนไหวด้วยความเร็วเท่าเดิม (ตอบ - เกือบทุกคนบนโลกจะตาย แต่จะเกิดหลายสิ่งหลายอย่างที่น่าสนใจ)
- ถ้าเราพยายามจะตีลูกเบสบอลที่ขว้างมาด้วย 90% ของความเร็วแสง (ตอบ : มากมาย รวมถึงเมืองที่ราบเป็นหน้ากลอง และแบตเตอร์ได้แอดวานซ์ไปเบสหนึ่ง)
- ทุกคนบนโลกมาอยู่ที่เดียวกันแล้วกระโดดลงพื้นพร้อมกัน (ตอบ : มหันตภัยของมนุษยชาติ แต่ไม่ใช่แบบที่คุณคิด)
- โยดามีพลังเท่าไหร่ (ตอบ : 19kW และเป็นพลังงานที่เป็นมิตรต่อธรรมชาติด้วยนะ -- คนเขียนบอกว่าแกต้องไปเปิดสตาร์วอร์แล้วนั่งจับเวลาว่าโยดายกยานของลุคด้วยความเร็วกี่เมตรต่อวินาที)
Randall ให้คำอธิบายที่เข้าใจง่ายและชัดเจนถึงการวิจัยและที่มาที่ถูกต้องตามหลักทางวิทยาศาสตร์ ในขณะที่ยังคงใช้ยีราฟเป็นวัดส่วนสูง
บิล เกตส์กล่าวว่า "นอกจากนี้คุณยังจะได้เรียนรู้เรื่องราวมากมายของสิ่งต่าง ๆ เช่น ขีปนาวุธ, ดีเอ็นเอ, มหาสมุทร, บรรยากาศ และฟ้าผ่า."
เล่มที่ 2 Moonwalking With Einstein (ชื่อภาษาไทย มหัศจรรย์การจำ)
ศิลปะและวิทยาศาสตร์ในความทรงจำของทุกสิ่งทุกอย่าง
มาร่วมกันค้นพบความมหัศจรรย์ของสมอง สิ่งที่ซับซ้อนที่สุดในจักรวาล...คุณจดจำทุกสิ่งทุกอย่างที่ต้องการได้หรือเปล่า เบอร์โทรศัพท์เพื่อน วันเกิดแฟน รายการซื้อของ งานที่ต้องทำ คุณรู้หรือไม่ว่าแท้จริงแล้วสมองของคนเรามีศักยภาพสูงมาก อาศัยเพียงเทคนิคและการฝึกฝนอย่างถูกต้อง "โจชัว โฟเออร์" อัจฉริยะผู้เป็นเลิศด้านความทรงจำ ผู้ชนะการแข่งขัน U.S. Memory Championship จะพาคุณเข้าไปเจาะลึกเคล็ดลับการจำแม่น จำไว ที่จะทำให้การจดจำทุกสิ่งทุกอย่างไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป...
เล่มที่ 3 The Magic of Reality
หนังสือของ Richard Dawkins เล่มนี้ เกิดจากการที่เขาโพสต์คำถามถึงจุดเริ่มต้นของสิ่งต่าง ๆ รอบโลก ก่อนที่จะพบว่าคำตอบเชิงวิทยาศาสตร์ที่เข้าท่า
Dawkins เปิดบทแต่ละบทด้วยคำถาม ทั้งหมดมี 12 บท 12 คำถาม
1. อะไรคือความจริง? อะไรคือสิ่งมหัศจรรย์? บทนี้แกจำแนกคำว่าอัศจรรย์ไว้ 3 แบบ ได้แก่ แบบเหนือธรรมชาติ แบบมายากล และแบบบทกวี ชื่อหนังสือ magic นั้นหมายถึง poetic magic เป็นความอัศจรรย์จากความตระหนักรู้ซึ้งถึงความจริง และกลไกของธรรมชาติ อันจะบังเกิดเมื่องพิจารณาด้วยสายตาเชิงวิทยาศาสตร์
2. ใครคือมนุษย์คนแรก? บทนี้แนะนำการทดลองทางความคิดที่จะพาผู้อ่านย้อนไปดูปู่ทวดรุ่นที่ 185 ล้าน (หรือประมาณ 417 ล้านปีที่แล้ว) แถมยังมีครีบด้วย
3. เหตุใดจึงมีสัตว์หลากหลายชนิด?
4. สิ่งต่าง ๆ สร้างมาจากอะไร? พูดถึงธาตุและอะตอม ส่วนประกอบย่อยของอะตอม
5. เหตุใดจึงมีกลางวันและกลางคืน ฤดูร้อนและฤดูหนาว?
6. ดวงอาทิตย์คืออะไร? พูดถึงดวงดาว จักรวาล และพลังงาน พลังงานทั้งหลายทั้งปวงบนโลกใบนี้ล้วนมีต้นกำเนิดหรือพึ่งพิงดวงอาทิตย์
7. สายรุ้งคืออะไร?
8. สรรพสิ่งเกิดขึ้นเมื่อไหร่ และเกิดขึ้นได้อย่างไร?
9. พวกเราโดดเดี่ยวมั้ย? มีมนุษย์ต่างดาวรึเปล่า?
10. แผ่นดินไหวคืออะไร?
11. ทำไมเรื่องร้าย ๆ ถึงเกิดขึ้น? พูดถึงโอกาส ความน่าจะเป็น และปัจจัยทางจิตวิทยา
12. ปาฏิหาริย์คืออะไร? เราจะรับมือกับปาฏิหาริย์อย่างไร ซึ่งผู้เขียนเลือกแนวคิดของ David Hume มาเป็นเครื่องมือในการอธิบายปาฏิหาริย์ต่าง ๆ
บิล เกตส์เขียนในความเห็นของเขาว่า "นอกจากนี้ยังเป็นข้ออ้างสำหรับผู้อ่านทุกเพศทุกวัยที่จะเข้าไปทำความรู้จักใกล้ชิดกับความลึกลับที่มีความรุนแรง และความอยากรู้อยากเห็น มากกว่าเรื่องของตำนานเหนือธรรมชาติหรือความเชื่อที่มีคนศรัทธา"
เล่มที่ 4 SuperFreakonomics มองโลกอย่างฉลาด ด้วยเศรษฐศาสตร์โคตรพิลึก
ค้นพบคำตอบของทุกเรื่องในชีวิตประจำวัน ด้วยวิธีคิดแบบเศรษฐศาสตร์ที่ประหลาดจนคุณคาดไม่ถึง เช่น โสเภณีข้างถนนเหมือนกับซานตาคลอสตามห้างสรรพสินค้าตรงไหน รายการสำหรับเด็กทำให้คดีอาชญากรรมเพิ่มขึ้นได้อย่างไร อะไรอันตรายกว่ากันระหว่างเมาแล้วขับกับเมาแล้วเดิน การผ่าตัดแปลงเพศทำให้คุณรวยขึ้นได้อย่างไร เเละทำไมการได้รับรางวัลโนเบลจึงช่วยให้เรามีอายุยืนยาว ซึ่งหนังสือเล่มนี้จะพาคุณไปสำรวจและตอบคำถามอันพิลึกพิลั่นเหล่านี้ผ่านการวิเคราะห์ที่เฉียบคมและงานวิจัยอันน่าทึ่ง เพื่อแสดงให้เห็นว่า ทุกเรื่องในชีวิตประจำวันสามารถอธิบายและแก้ปัญหาได้ด้วยเศรษฐศาสตร์ ทันทีที่อ่านจบ ถึงแม้คุณจะมองไปที่โลกใบเดิม แต่คุณก็จะได้เห็นในสิ่งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมองเห็นมาก่อนเลย
เล่มที่ 5 Where Good Ideas Come From ความคิดดีๆ มาจากที่ไหน
ประวัติศาสตร์ธรรมชาติของนวัตกรรม
ผู้เขียนได้ย้อนกลับไปศึกษาการค้นพบและนวัตกรรมที่สำคัญทั้งในด้านวิทยาศาสตร์และด้านธรรมชาติวิทยา เพื่อเสาะแสวงหาคำตอบว่าในแต่ละด้านนั้นการที่จะค้นพบ หรือมีแนวคิดใหม่ๆ ที่น่าสนใจนั้นมีที่มา หรือจุดเริ่มต้นอย่างไร และทางผู้เขียนก็สรุปออกมาเป็น 7 แนวทางสำคัญ พร้อมทั้งมีตัวอย่างมาสนับสนุนแนวทางทั้ง 7 ประการดังกล่าว
เล่มที่ 6 Thing Explainer: Complicated Stuff in Simple Words
Thing Explainer เขียนโดย Randall Munroe มันเป็นหนังสือขนาดใหญ่ที่รวมแผนภาพของสิ่งต่างๆ ที่น่าสนใจไว้ 60 ภาพ และอธิบายกระบวนการทำงานของสิ่งเหล่านั้นด้วยคำที่เลือกมาจากคำที่ใช้บ่อยที่สุดในภาษาอังกฤษ 1,000 คำแรกเท่านั้น
ตัวอย่างของการใช้คำง่าย เช่น คำว่า "เสาอากาศ" (antenna) ก็ไม่สามารถใช้งานได้ หนังสือต้องเขียนไปเป็น "ตัวสื่อสารผ่านอวกาศ" (space talkers) แทน คำบางคำเช่นนิวเคลียร์ก็ไม่สามารถใช้คำตรงตัวได้ หนังสือก็บอกเพียงว่าเป็นแท่งโลหะ แม้ชื่ออาจจะดูแปลกๆ แต่หนังสือก็มีคำอธิบายขนาดยาวประกอบไปด้วย
เล่มที่ 7 Mindset (ชื่อภาษาไทย เปลี่ยน Mindset...ชีวิตเปลี่ยน)
จิตวิทยาใหม่ของความสำเร็จ
หนึ่งในหนังสือที่หายาก ที่สามารถช่วยให้คุณสร้างการเปลี่ยนแปลงในทางบวกในชีวิตของคุณ ในขณะเดียวกันก็ช่วยให้คุณมองเห็นโลกในแนวทางใหม่ๆ ผู้เชี่ยวชาญชั้นนำในด้านจิตวิทยาของแรงจูงใจและบุคลิกภาพ "แครอล ดเว็ค" ได้ค้นพบจากการทำวิจัยมากกว่ายี่สิบปีว่า กรอบความคิดไม่ใช่เป็นส่วนเล็กๆ ของบุคลิกภาพ กรอบความคิด (Mindset) เป็นตัวสร้างโลกทางความคิดทั้งหมด มันสามารถอธิบายว่าเรากลายเป็นคนที่มองโลกในเเง่ดีหรือมองโลกในแง่ร้ายได้อย่างไร เป็นตัวกำหนดเป้าหมาย ทัศนคติต่องานและความสัมพันธ์ และวิธีการเลี้ยงดูลูกของเรา ท้ายที่สุดยังสามารถคาดการณ์ว่าเราจะนำศักยภาพของเรามาใช้ได้เต็มที่หรือไม่ด้วย
กรอบความคิดที่เกิดขึ้นในช่วงวัยเด็กและผู้ใหญ่เป็นตัวขับเคลื่อนทุกแง่มุมของชีวิตของเรา จากงานไปสู่กีฬา จากความสัมพันธ์ไปสู่การเป็นพ่อแม่ ทุกคนสามารถที่จะใช้ "กรอบความคิดเติบโต" ในการบรรลุผลลัพธ์ตามที่ต้องการได้โดยไม่จำเป็น ต้องเป็นอัจฉริยะหรือมีพรสวรรค์ทั้งในด้าน ดนตรี วรรณกรรม วิทยาศาสตร์ กีฬา หรือแม้แต่ธุรกิจ ที่สำคัญกว่าคือ เราสามารถเปลี่ยนกรอบความคิดในช่วงไหนของชีวตก้อได้ เพื่อที่จะประสบความสำเร็จและได้รับความพึงพอใจอย่างแท้จริง
เล่มที่ 8 For the Love of Physics
เล่มนี้เป็นผลงานอันเป็นที่รักของศาสตราจาร์ Walter Lewin จาก MIT ซึ่งเขาได้ทำการบรรยายเกี่ยวกับฟิสิกส์ในแบบฉบับโลดโผน จนทำให้เขากลายเป็นซูเปอร์สตาร์ใน YouTube
ฟิสิกส์ในแบบฉบับของ Lewin ทำให้คนอ่านรู้สึกสนุกสาน และทึ่งกับสิ่งประดิษฐ์และความแปลกประหลาดของการเดินทางที่จะนำความสุขของฟิสิกส์เข้ามาในชีวิตของเรา
บิล เกตส์กล่าวว่า "For the Love of Physics ได้บันทึกถึงความฉลาดของ Lewin บอกถึงความรักในฟิสิกส์ และความมีสีสันสดใสในการเป็นครู"
เล่มที่ 9 Business Adventures
12 นิทานคลาสสิกจากโลกของวอลสตรีท
บิล เกตส์ได้รับการแนะนำหนังสือเล่มนี้มาจากวอร์เรน บัฟเฟต ซึ่งเป็นหนังสือที่พวกเขาทั้งคู่ได้เรียนรู้หลายอย่างจาก John Brooks ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้
หนังสือเล่มนี้จะบอกเกี่ยวกับเหตุผลที่ว่าทำไมนักธุรกิจหลายคนประสบความสำเร็จ และทำไมหลายคนถึงไม่ประสบความสำเร็จ โดยจะเป็นการเล่าประวัติของบริษัท Xerox หลายแง่มุม
เล่มที่ 10 Epic Measures
หมอหนึ่งคน ผู้ป่วยเจ็ดพัน
ในช่วงต้นยุค 2000 แพทย์และนักเศรษฐศาสตร์ชื่อว่า Chris Murray ได้พยายามที่จะสร้างฐานข้อมูลที่ครอบคลุมในการอธิบายถึงสาเหตุส่วนใหญ่ของการตายและความพิการ วิธีการเปรียบเทียบและวิธีการเปลี่ยนแปลงของช่วงเวลาต่าง ๆ ในแต่ละประเทศ
หนังสือเล่มนี้เขียนโดย Jeremy N. Smith ได้บันทึกเหตุการณ์การเดินทางของ Chris Murray ในการรวบรวมข้อมูลสร้างฐานข้อมูลนั้น
บิล เกตส์ กล่าวว่า "Epic Measures จะช่วยให้คุณมีความรู้สึกที่ดีต่อเหตุผลทั้งหมด ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมาก"
สำหรับหนังสือทั้ง 10 เล่ม ในฉบับแปลไทยในนั้นจะมีเพียงสามเล่มเท่านั้น คือ Moonwalking With Einstein มหัศจรรย์การจำ , SuperFreakonomics มองโลกอย่างฉลาด ด้วยเศรษฐศาสตร์โคตรพิลึก และ Mindset เปลี่ยน Mindset...ชีวิตเปลี่ยน
ที่มา: observer