ผมรู้จักคอรัลไลน์ครั้งแรกจากภาพยนตร์ Stop Motion ชื่อดัง อำนวยการสร้างโดย Henry Selick ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วรู้สึกว่าเป็นภาพยนตร์ที่มีเรื่องราวสนุกเรื่องหนึ่ง เหมาะทั้งสำหรับเยาวชน ไปจนถึงผู้ใหญ่
Coraline เขียนโดย Neil Gaiman ผู้เขียนวรรณกรรมแฟนตาซีเลื่องชื่อมากมายทั้ง Stardust, Never Where และ American God
ก่อนเริ่มเปิดหน้ากระดาษออกอ่าน ผมเกิดข้อสงสัยในใจเล็ก ๆ ว่า ในเมื่อผมรู้เนื้อเรื่องของมันดีแล้ว ผมจะยังอ่านหนังสือเล่มนี้สนุกอีกหรือไม่ (อย่างที่ผมมักจะเป็นเวลาดูภาพยนตร์เรื่องใดที่สร้างมาจากหนังสือแล้ว ผมไม่ค่อยที่จะไปกลับอ่านหนังสือเล่มนักสักเท่าไหร่นัก) และแล้วผมก็ค้นพบว่า มันค่อนข้างน่าแปลกใจ เพราะทั้ง ๆ ที่ผมรู้เนื้อเรื่องอยู่แล้ว แต่กลับรู้สึกสนุกและลุ้นติดตามในตัวคอรัลไลน์มากขึ้น
เด็กหญิง แมวพูดได้ และตากระดุม
คำนิยามหรือชื่อเล่นที่ผมเรียกวรรณกรรมเรื่องนี้ก็
คือ "ตากระดุม" ซึ่งดูจะเป็นคาแรกเตอร์ที่เป็นเอกลักษณ์ที่สุดของเรื่องนี้แล้ว (ส่วนหนึ่งที่ทำให้คนจำได้)
คอรัลไลน์มีลักษณะเรื่องราวคลับคล้ายกับนิทานหรือเทพนิยาย ในขณะเดียวกันก็มีความเป็นพื้นบ้านที่สูง โลกของคอรัลไลน์ไม่ได้กว้างใหญ่นัก จำกัดอยู่เพียงบ้านหลังใหญ่ที่เธออยู่อาศัยเพียงเท่านั้น เรื่องเริ่มต้นขึ้นเมื่อคอรัลไลน์ค้นพบทางไปสู่บ้านอีกหลังหนึ่งที่ดูคล้ายกันกับบ้านของเธอ เพียงแต่ว่าทุกสิ่งในบ้านหลังนี้ดีกว่าและน่าตื่นตาตื่นใจกว่าบ้านของเธอมาก ที่นั่นเธอยังพบกับคุณแม่อีกคนและคุณพ่ออีกคนที่น่าสนใจกว่าพ่อแม่ที่เธอมีเป็นไหนๆ พวกเขาทั้งสองต้องการให้คอรัลไลน์อยู่ที่นี่และเป็นลูกของพวกเขาจริงๆ พวกเขาไม่อยากจะปล่อยเธอไป
แต่ดูเหมือนว่าจะมีอะไรแปลกๆมากมายในบ้านหลังนี้ คอรัลไลน์จะต้องใช้ทั้งความฉลาดและความกล้าหาญที่มีเพื่อค้นหาความจริง เพื่อกลับไปสู่ชีวิตเดิมให้ได้…ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
ความแตกต่างระหว่างฉบับภาพยนตร์และฉบับนิยาย
ในด้านเนื้อเรื่องไม่มีความแตกต่างที่ชัดเจนนัก เพราะภาพยนตรืเขียนบทตามหนังสือมากที่เดียว ด้วยโครงเรื่องที่เข้าใจง่ายและไม่ซับซ้อน ที่จะเห็นได้ชัดก็คือ การดำเนินเรื่อง ที่ผมรู้สึกว่าในหนังสือนั้นมีลักษณะในการดำเนินเรื่องที่ค่อนข้างรวดเร็ว เพราะเปิดมาก็เจอปริศนาบานประตูเลย
ในขณะเดียวกัน บรรยากาศภายในหนังสือ ผู้เขียนบรรยายออกมาไม่ได้ดูพิศวงตื่นตาตื่นใจเท่าฉบับภาพยนตร์ ค่อนข้างจะเรียบ แต่เน้นความเป็นเหตุเป็นผลเสียมากกว่า เช่น เส้นทางที่เชื่อมระหว่างบ้านจริงกับบ้านอีกหลัง ที่ภาพยนตร์แลดูเป็นมิติพิศวง ในขณะที่หนังสืออธิบายเพียงสั้น ๆ ประมาณ "ทางเดินมืด" เฉย ๆ
และตัวละครประกอบดูจะมีบทบาทน้อยกว่าที่คาดไว้ อย่างเช่น แมวพูดได้ ในเรื่อง ถึงกระนั้น ผมก็พอจะเข้าใจได้ว่า ระยะเวลาภายในเรื่องดำเนินไปใช้เวลาเพียงไม่กี่วัน และไม่ใช่นวนิยายที่มีความยาวของเรื่องที่มากนัก มันจึงทำให้รู้สึกออกแนวนิทานเสียมากกว่า
สำหรับคอรัลไลน์ฉบับภาษาไทยนั้น ต้องยกเครดิตให้สำนักพิมพ์เวิร์ด วอนเดอร์ ผู้นำมาแปลพิมพ์ และนักวาดภาพประกอบ ที่รังสรรค์ภาพประกอบสวย ๆ สอดแทรกมาตลอดเรื่อง นอกจากนี้ ยังมีฉบับปกแข็งที่พิมพ์ออกมาในจำนวนจำกัด ซึ่งผมรู้สึกชอบเป็นอย่างมาก หรือแม้แต่ทางนีล เกแมน ผู้เขียนยังนิยมชมชอบคอรัลไลน์ฉบับภาษาไทยเสียด้วยซ้ำ
คอรัลไลน์นั้นคือหนังสือสำหรับครอบครัวโดยแท้ เป็นนิยายอีกหนึ่งเรื่องที่ถ่ายทอดเรื่องราวของครอบครัวความรัก ความอบอุ่น ความสำคัญของสถาบันครอบครัวออกมาได้เป็นอย่างดี และสะท้อนให้เราเห็นในหลายแง่มุม คำหนึ่งที่ผมพอจะนึกขึ้นมาได้ก็คือ...
"สิ่งที่ดีที่สุด อาจไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการมากที่สุด"
และ
"ความสมบูรณ์แบบ ก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบเสมอไป"
คอรัลไลน์
เขียนโดย Neil Gaiman
สำนักพิมพ์ Word Wonder
สั่งซื้อ Coraline ได้ที่ : http://www.paperyard.co/product-page/7189ba7b-8286-539e-db1e-bf5074af663f